สำหรับผู้ที่ชอบการตกแต่งบ้านคงถูกใจกับการทาสีห้องด้วยตัวเองเพราะสามารถทาได้อย่างใจต้องการหรือที่คิดไว้ ซึ่งหลายคนอาจคิดว่ายาก แต่จริงๆ แล้วไม่ยากเกินกว่าที่คุณจะทำเองได้ ซึ่งเรามีวิธีทาสีห้องมานำเสนอและคิดว่าพ่อบ้านแม่บ้านทั้งหลายคงถูกใจและอยากลองเปลี่ยนสีห้องใหม่กันดูบ้าง อุปกรณ์ต่าง ๆ เราก็หาซื้อได้ตามร้านวัสดุก่อสร้างหรือตามห้างสรรพสินค้าที่แผนกเครื่องมือต่าง ๆ ซึ่งมีดังนี้
1.สีสำหรับทา ซึ่งเราสามารถเลือกผสมสีต่าง ๆ ได้ตามต้องการ โดยเลือกสีสำหรับทาภายในเพราะเราต้องการทาภายในบ้าน
2.แปรงทาสี , ลูกกลิ้งทาสีแบบเรียบ หรือ แบบลาย ตามชอบ
3.ถาดใส่สีสำหรับทา
4.กระดาษหนังสือพิมพ์เก่า ๆ สำหรับรองที่พื้นกันสีหยดใส่พื้น
5.กระดาษชำระเอนกประสงค์ (แบบแผ่นใหญ่)
6.แผ่นพลาสติกฉลุลาย (หากต้องการให้ผนังเป็นลายเหมือนวอลลเปเปอร์)
7.กระดาษกาวสีขาว
เมื่อได้อุปกรณ์ครบแล้วเราก็มาเริ่มเตรียมการทาสีโดย
1.ทำความสะอาดผนังที่เราต้องการทาสีเสียก่อนโดยการเช็ดฝุ่นและคราบต่าง ๆ ออกให้หมดหากมีการหลุดร่อนของสีเดิมเราก็นำออกด้วย
2.หากใช้แผ่นพลาสติกฉลุลายเพื่อให้เกิดลายที่ผนังเราก็นำแผ่นพลาสติกติดที่ผนังเสียก่อนโดยกระดาษกาวยึดให้สนิทกับผนังไล่ตามขอบตั้งแต่บนลงล่าง
3.นำกระดาษหนังสือพิมพ์ปูพื้นในบริเวณทาสีเพื่อกันสีหยดใส่พื้น
4.เทสีที่จะทาใส่ถาดสีและใช้ลูกกลิ้งทาสีแบบเรียบกลิ้งให้ทั่วเพื่อให้สีติดลูกกลิ้ง
4.1หากใช้ลูกกลิ้งแบบมีลายทำเช่นเดียวกันแต่ไม่ต้องใช้แผ่นพลาสติกฉลุลาย ติดที่ผนัง
5.นำลูกกลิ้งที่ชุ่มสีทาลงกระดาษกระดาษชำระเอนกประสงค์ (แบบแผ่นใหญ่) ก่อนเพื่อกันไม่ให้สีชุ่มที่ลูกกลิ้งมากนัก
6.นำลูกกลิ้งทาไปที่ผนังที่เราติดแผ่นพลาสติกฉลุลายไว้โดยทาให้สม่ำเสมอในทางเดียวกันเพื่อให้สีเสมอกันและตามขอบมุมของลายหากสีไม่ติด ให้เรานำแปรงจุ่มสีทาภายหลังก่อนจะดึงแผ่นพลาสติกออก
6.1หากใช้ลูกกลิ้งแบบลวดลายก็ทาลงที่ผนังโดยทาไปทางเดียวกันเพื่อให้สีและลายเสมอกัน
7.เมื่อทาทั่วผนังแล้วให้นำแผ่นพลาสติกฉลุลายออก็เป็นอันเรียบร้อย (หากแผ่นพลาสติกมีขนาดเล็กกว่าผนังให้ทำซ้ำส่วนอื่น ๆ ที่ยังไม่ทาแต่ต้องรอให้ส่วนที่ทาไว้แล้วแห้งก่อน)
7.1หากเป็นการทาโดยใช้ลูกกลิ้งลวดลาย และมีการทาสีอื่นรองพื้นไว้นั้นต้องรอให้สีรองพื้นแห้งสนิทแล้วจึงทาสีทำลาย
คงไม่ยากเกินไปที่เราจะทาสีห้องใหม่ด้วยตัวเองและยังสามารถอวดใคร ๆ ได้ว่าเราทำเองได้อีกด้วย

สำหรับบ้านร้างและบ้านมือสองแล้วไม่ว่าจะพูดกันกี่ทีๆ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องเล่าเขย่าขวัญต่างๆ นานาเป็นแน่แท้ครับซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนบัญญัติเอาไว้ว่าหากเป็นบ้านร้างหรือบ้านมือสองเมื่อไหร่เป็นอันต้องมีผี มีวิญญาณโผล่ขึ้นมาทุกที เหตุไฉนผีสางนางไม้เหล่านี้จึงไม่นิยมไปสิงบ้านที่สร้างใหม่ราวกับดอกเห็ดก็ไม่รู้ได้
ตามความคิดโดยส่วนตัวของผมแล้วอาจจะเป็นเพราะว่าบ้านร้างหรือบ้านมือสองเหล่านั้นอาจจะมีตำนานและความนิยมมาจากเรื่องเล่าจากรายการวาไรตี้ผีลืมหลุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรายการ The Shock รายการเรื่องเล่าเขย่าขวัญหรือแม้แต่รายการผีที่ดังที่สุดแห่งยุคอย่างรายการคนอวดผีซึ่งรายการเหล่านี้นี่แหละครับที่เวลาจะพาคนไปล่าท้าผีหรือไปพิสูจน์ผีทีไรก็มักจะเลือกเอาบ้านร้างหรือบ้านมือสองที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ทุกทีไป
การปลูกฝังเรื่องที่ว่าบ้านร้างมักจะมีผีอยู่นั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียซึ่งข้อดีก็คือการพยายามกันคนไม่ให้ไปเข้าใกล้บ้านร้างเหล่านั้นเพราะบางครั้งบ้านร้างเหล่านั้นอาจจะเป็นแหล่งซ่องสุมของพวกโจรหรือพวกที่ติดยาเสพติดซึ่งหากพลัดหลงเข้าไปก็อาจจะเป็นอันตรายได้แต่ในขณะเดียวกันการสร้างกระแสที่น่ากลัวเช่นนี้ก็มีผลต่อเจ้าของบ้านร้างเองเช่นกันเพราะเนื่องจากว่าบ้านหลังนั้นๆ จะโดนตำนานต่างๆ เข้าครอบงำจนกระทั่งเจ้าของบ้านเองไม่สามารถขายบ้านหลังนั้นได้ในที่สุดเพราะคนติดภาพว่าเป็นบ้านผีสิงนั่นเอง

              ในยุคที่ราคาที่ดินสูงขึ้น และหายากขึ้นสำหรับที่ดินในเมืองใหญ่ ทำให้การหาซื้อที่ดินซักแปลงสำหรับปลูกบ้านนั้นได้พื้นที่ที่เล็กลง และกลายเป็นข้อจำกัดสำหรับการออกแบบบ้าน ซึ่งจะต้องเลือกแบบบ้านที่ขนาดเล็กลงให้เหมาะสมกับพื้นที่ ซึ่งบ้านบางแบบก็ไม่เหมาะสมกับการสร้างบ้านขนาดเล็ก หรือแบบบ้านอาจทำให้บ้านดูเล็กลงไปอีกทำให้รู้สึกอึดอัดมากขึ้น

               การออกแบบบ้านในพื้นที่ขนาดเล็กให้ดูกว้างขวางขึ้นจึงเป็นทางหนึ่งที่ผู้รับออกแบบบ้านมุ่งนำเสนอเพื่อตอบรับกับความต้องการในการสร้างบ้านในยุคที่ที่ดินมีราคาแพงแบบนี้ ซึ่งการเลือกแบบบ้านให้ดูกว้างขวางนั้นควรเลือกแบบที่ดูเรียบง่าย ไม่มีลวดลายหรือลูกเล่นเยอะ เช่น บ้านสไตล์โมเดิร์น ทรอปปิคอล หรือคอนเทมโพรารี่ เพราะแบบบ้านจะเป็นทรงเลขาคณิต หรือเน้นความเรียบง่าย ตกแต่งไม่มากจึงทำให้บ้านดูกว้างขวางขึ้น โดยเลือกแบบบ้านที่มีการกั้นหรือแบ่งห้องให้น้อยที่สุด เพราะผนังห้องทึบๆ ที่กั้นห้องอยู่จะทำให้บ้านดูแคบลง โดยอาจเลือกเป็นแบบบ้านที่กั้นห้องด้วยกระจกและใช้ผ้าม่านเพื่อบังตาแทน

เลือกสีของบ้านที่สว่างสดใสซึ่งจะทำให้บ้านดูกว้างขึ้น เช่น สีขาว  สีเทา สีครีม และสีโทนอ่อน และเลือกแบบบ้านที่ออกแบบมาให้สามารถใช้ประโยชน์จากส่วนต่าง ๆ ของบ้านได้อย่างคุ้มค่า เช่น มีลิ้นชักเก็บของอยู่ใต้บันได มีพื้นลอยเหนือศีรษะที่สามารถเก็บวางของได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดวางตู้สำหรับเก็บของได้ด้วย